บ้านตู้คอนเทนเนอร์ราคาเขตบางแค
ทิศทางธุรกิจก่อสร้างในEEC ยุคหลังโควิคก้าวย่างแห่งปี64
1.ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีทิศทางฟื้นตัว โดยมูลค่าการลงทุนก่อสร้างรวมมีแนวโน้มขยายตัว 4.5-5.0% ในปี 2564 และ 5.0-5.5% ในปี 2565-2566
ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีทิศทางฟื้นตัว โดยมูลค่าการลงทุนก่อสร้างรวมมีแนวโน้มขยายตัว 4.5-5.0% ในปี 2564 และ 5.0-5.5% ในปี 2565-2566 ปัจจัยขับเคลื่อนมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งจะเหนี่ยวนำการลงทุนก่อสร้างภาคเอกชนให้ขยายตัวตาม อาทิ นิคมอุตสาหกรรม รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวจะหนุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและอาคารเพื่อการพาณิชย์ นอกจากนี้ โอกาสทางธุรกิจยังเพิ่มขึ้นจากโครงการก่อสร้างในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวของความเป็นเมือง
งานก่อสร้างภาครัฐ: ส่วนใหญ่เป็นโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คิดเป็นสัดส่วน 82% โดยกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ มักได้เปรียบในการรับงานภาครัฐ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เนื่องจากมีประสบการณ์ มีความชำนาญเฉพาะด้าน มีศักยภาพทางการเงิน และมีการพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีในงานก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้รับเหมา SMEs จะมีโอกาสรับงานภาครัฐ ในลักษณะของผู้รับเหมาช่วง (Sub-contractors)
งานก่อสร้างภาคเอกชน: กระจุกตัวในงานก่อสร้างที่อยู่อาศัย มีสัดส่วนคิดเป็น 54% ซึ่งทิศทางงานก่อสร้างภาคเอกชนขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นในการลงทุน เสถียรภาพการเมือง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐ
โดยทั่วไป การประเมินภาวะธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จะพิจารณา1) ด้านตลาด: หมายถึงโอกาสการรับรู้รายได้ซึ่งส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ การเมือง แผนและความก้าวหน้าของการลงทุนภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงกฎระเบียบการลงทุนของแต่ละประเทศ ที่อาจเอื้อ หรือเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจ
2) ด้านต้นทุน: หมายถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาวัสดุก่อสร้าง และค่าจ้างแรงงาน (ปัจจุบันธุรกิจก่อสร้างไทยประสบปัญหาแรงงานทั้งด้านปริมาณ และทักษะ ส่งผลให้ผลิตภาพแรงงานมักต่ำกว่าค่าจ้าง) ซึ่งจะมีผลต่อกำไรของธุรกิจ (3) ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 20%
โดยสรุป ในปี 2564-2566 หลังสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 คลี่คลาย การลงทุนในประเทศ รวมทั้งพื้นที่ EEC น่าจะเริ่มกลับมา ทำให้รายได้ของกลุ่มผู้รับเหมา ที่เน้นโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่รายได้ของกลุ่ม ที่เน้นโครงการภาคเอกชน มีแนวโน้มฟื้นตัวค่อนข้างช้า
ผู้รับเหมางานก่อสร้างโครงการวิศวกรรมโยธาขนาดใหญ่ คาดว่ารายได้จะฟื้นตัวตามการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยรายใหญ่ และรายกลาง คาดว่ารายได้จะขยายตัวดี เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความพร้อมในการประมูลรับงานและมีศักยภาพในการบริหารงานก่อสร้างขนาดใหญ่ทั้งที่เป็นโครงการลงทุนของภาครัฐ อาทิ รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ และโครงข่ายคมนาคมขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ EEC
สำหรับรายเล็ก คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น อานิสงส์จากการรับเหมาช่วง ในโครงการขนาดใหญ่จากผู้รับเหมารายใหญ่ และรายกลาง ผู้รับเหมางานก่อสร้างภาคเอกชนในกลุ่มที่อยู่อาศัยอาคารทั่วไป กลุ่มอาคารสูง และอาคารขนาดใหญ่ รายได้มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า โดยรายได้อาจยังทรงตัวหรือชะลอตัว ในปี 2564 จากสถานการณ์ COVID-19 ยังไม่คลี่คลาย แต่จะเริ่มทยอยฟื้นตัวดีขึ้นใน 2 ปีถัดไป จากความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชนที่จะเพิ่มขึ้นตามการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
โดยรายใหญ่และรายกลาง รายได้คาดว่าจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นรับงานโครงการ Mixed use น่าจะมี Backlog เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผู้รับเหมารายใหญ่ มีโอกาสรับงานก่อสร้างภาคเอกชนในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชยกรรม และโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มฟื้นตัว
สำหรับรายเล็ก รายได้รวม มีทิศทางชะลอตัว เนื่องจากงานก่อสร้างโครงการขนาดเล็ก มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า ประกอบกับข้อจำกัดด้านการบริหารจัดการต้นทุน อาจส่งผลให้ผู้รับเหมากลุ่มนี้มีความเสี่ยงด้านผลประกอบการและปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน
8 เคล็ดลับเริ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง อย่างไรไม่ให้เจ๊ง !!!
1.มีงานต้องมีคน เตรียมคนให้เหมาะกับงาน
ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างต้องมีคนงาน ลักษณะงานของธุรกิจนี้จะต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม รวมถึงเป็นช่างฝีมือ หากธุรกิจขาดทีมงานที่มีประสิทธิภาพ การดำเนินธุรกิจจะไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นผู้ประกอบการจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเฟ้นหาทีมงานที่มีประสิทธิภาพาและมีทักษะในเนื้องานมาทำงานร่วมกัน หากเป็นช่างฝีมือ ย่อมจะได้เปรียบ จะทำให้งานที่ทำออกมาแล้วมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของลูกค้า
2.มีคนไม่มีงาน หางานให้เพียงพอกับคน
ถึงแม้ว่าจะมีทีมงานที่มีประสิทธิภาพแล้วก็ตามแต่ไม่สามารถหางานได้ก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นทักษะในการหางาน เป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นผู้รับเหมาที่ดี ย่อมต้องทำหน้าที่เป็นทั้งนักการตลาดและนักขายในคนเดียวกัน มีความสามารถในการหารงานให้กับทีมงานได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถคัดกรองผู้ว่าจ้าง ว่ามีทุนพร้อม ในการจ่ายเงินได้ตรงตามเวลา ตลอดจนสามารถประสานงานระหว่างผู้ว่าจ้างและมีงานให้ราบรื่นไปตลอดจนจบงาน
3.ทำงานแต่ขาดทุน ประเมินราคาผิดคิดจนตัวตาย
เนื่องจากประเมินราคารับเหมาไม่เป็น ประเมินราคาแล้วขาดทุน ถึงแม้ว่าผู้รับเหมาจะมีงานทำตลอด แต่ประเมินราคามีกำไรไม่เพียงพอ ธุรกิจจะไม่ประสบผลสำเร็จ จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการมีภาระ หนี้สิน จนถึงชั้นทิ้งงานไม่ทำต่อ เพราะว่าทำไปก็ขาดทุน ทำให้เสียชื่อเสียงเสียลูกค้า ซึ่งปัญหานี้พบบ่อยมากในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
ทั้งนี้ผู้รับเหมาเองจำเป็นต้องมีทักษะในการคิดคำนวณต้นทุน ศึกษาราคาวัสดุ ราคารับเหมาในท้องตลาด ไม่ต่ำจนเกินเพื่อแข่งกับคู่แข่ง แต่ให้มองว่าถึงราคาประเมินจะสูงกว่าคู่แข่งแต่ใช้วัสดุดี มีคุณภาพจะดีกว่า
4.บริหารจัดการงานไม่มีประสิทธิภาพ ลดปัญหานำเทคโนโลยีมาใช้
ผู้รับเหมาบางรายเมื่อทำงานร่วมกับทีมงานแล้วไม่สามารถควบคุมคนงานให้ทำงานตามแผนการที่วางไว้ได้ ได้แก่ เมื่อปล่อยงานให้คนงานดำเนินการแล้วแต่ผู้รับเหมาไม่เคยไปตรวจงานเลย บางทีคุมงานให้เสร็จตามกำหนดเวลาไม่ทัน เป็นต้น
ดังนั้นผู้รับเหมาควรจะมีทักษะในการประสานงาน การบริหาร จัดการ ควบคุม และมีความรับผิดขอบเป็นอย่างดี เพื่อให้ภาพรวมของงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การทำเทคโนโลยีสมัยๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบ ERP ระบบการจัดการหน้างาน ระบบบัญชี ต่างๆ จะทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพิ่มกำไรให้ธุรกิจในระยะยาว
5.เลือกใช้วัสดุไม่สอดคล้องกับงาน มีซัพพลายเอ่อร์ดีเป็นศรีกับธุรกิจ
การมี Supplier ที่ดี ช่วยให้ผู้รับเหมาไม่เสียเวลา เปรียบเทียบราคาสินค้ากับ Supplier หลายเจ้า ทำให้ได้สินค้าราคาต้นทุน มีคุณภาพ และได้วัสดุที่ถูกต้องตามประเภทของงาน เพราะ Supplier จะรู้ว่า ผู้รับเหมาใช้วัสดุประเภทใด อย่างนี้เรียกว่า รู้ใจกัน ดังคำกล่าวที่ว่า” รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ตลอดจนสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์ได้สูงสุด ภายใต้ต้นทุนของวัสดุที่ต่ำที่สุดและใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานน้อยที่สุด
6.เงินทุนสำคัญไฉน มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่ เข้าถึงแหล่งเงินทุน
จากสำนวนดังกล่าวไม่ว่ายุคสมัยไหนยังคงกล่าวถึงได้เสมอ การประกอบธุรกิจใดๆล้วนแต่ต้องการเงินทุนมาช่วยในการสนับสนุนธุรกิจด้วยกันทั้งนั้น แล้วเงินทุนจะหาได้จากที่ไหน?
ปัจจุบันนี้มีแหล่งเงินทุนมากมายจากสถาบันการเงินหลายแห่ง ให้ผู้ประกอบการดำเนินการกู้เงินได้ตามศักยภาพของกิจการของตน ซึ่งสามารถแบ่งประเภทดอกเบี้ย และการชำระเงินได้หลายรูปแบบ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถพิจารณาเลือกใช้การบริการได้ตามความเหมาะสมของกิจการตนเอง
หากเป็นธุรกิจรับเหมาขนาดเล็ก (SMEs) แต่ยังไม่พร้อมที่กู้เงินจากสถาบันการเงินจะหาเงินทุนจากไหน? สำหรับผู้รับเหมาขนาดเล็ก สามารถระดมเงินทุนได้จากการเริ่มทำงานซ่อมแซมเล็กๆน้อยๆ ที่พอจะเริ่มได้ เช่น การเดินสายไฟ เป็นต้น เพื่อสะสมเงินทุนให้มากพอแล้วจึงพัฒนาเป็นธุรกิจรับเหมาขนาดใหญ่
7.เลือกรับงานที่ถนัด หรือ “นกน้อยทำรังแต่พอตัว”
ผู้รับเหมาควรที่จะพิจารณาศักยภาพของกิจการตนเองด้วย โดยเลือกงานที่เหมาะสมกับกิจการตนเอง ไม่ใหญ่จนเกินตัว หรือรับงานที่ทีมงานมีความถนัด เลือกงานตามประสบการณ์ที่ได้เคยผ่านงานมาแล้ว ซึ่งจะส่งเสริมให้ผลงานออกมาดีเป็นที่น่าเชื่อถือของลูกค้า และยังสามารถควบคุมระยะเวลาในการทำงานได้ดี ทำให้ส่งงานได้ตรงตามแผนงานที่ได้วางไว้ ตลอดจนช่วยลดความเสี่ยงและข้อผิดพลาดต่างๆ
8.เลือกลูกค้าเพื่อลดปัญหาด้านการชำระเงิน
ไม่เพียงแต่ลูกค้าจะเลือกผู้รับเหมาเท่านั้น แต่ผู้รับเหมาจำเป็นต้องเลือกลูกค้าเช่นกัน เนื่องจากเพื่อแก้ปัญหาด้านการเงิน อันได้แก่ การจ่ายเงินล่าช้า ซึ่งอาจเกิดจากความไม่พร้อมทางเงินของผู้ว่าจ้าง ผู้รับเหมาสามารถจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ด้วยการทำสัญญา โดยกำหนดการเบิกเงินเป็นงวดไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้เพื่อให้งานดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาด้านค่าใช้จ่าย
สำหรับผู้ที่ได้เข้ามาทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง บนทางเดินย่อมไม่ได้ราบเรียบ และยังต้องพบกับปัญหาต่างๆแต่เชื่อว่าทุกคนล้วนต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจด้วยกันทั้งนั้น จากประเด็นปัญหาและแนวทางแก้ไขข้างต้น จะเป็นประโยชน์แก้ผู้รับเหมาทั้งมือใหม่และมือเก่าเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้วางไว้

ต่อเติมบ้านโครงการเขตบางแค