บริษัทรับเหมาก่อสร้างเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย

8 กลยุทธ์จับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอย่างไรให้รุ่ง

 

( 8 กลยุทธ์จับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอย่างไรให้รุ่ง ) ในยุคที่อสังหาริมทรัพย์เฟื่องฟูก่อให้เกิดธุรกิจขึ้นมามากมาย โดยเฉพาะธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนให้วงการอสังหาริมทรัพย์ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีหลายคนหันมาจับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างกันมากขึ้นเพราะเห็นรายได้เข้ากระเป๋าเป็นกอบเป็นกำ ร่ำรวยขึ้นมาทันตาเห็น

แต่ในทางกลับกันก็ไม่ใช่ว่าผู้รับเหมาก่อสร้างทุกคนจะมีธุรกิจที่ราบรื่นเสมอไป บางครั้งก็ต้องเจออุปสรรคมากบ้าง น้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละคน ฉะนั้นเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในธุรกิจก็ต้องหาทางแก้ไขปัญหา แต่การรู้เท่าทันปัญหาเสียก่อนก็จะช่วยให้ป้องกันก่อนปัญหาจะเกิด วันนี้เราจึงได้ลองนำ 8 ปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับธุรกิจของผู้รับเหมาก่อสร้างที่พบเจออยู่บ่อย ๆ พร้อมทั้งแนวทางแก้ไขจะไว้เตรียมการก่อนตั้งแต่เนิ่น ๆเพื่อทำให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของคุณประสบความสำเร็จรุ่งเรืองยิ่งขึ้น

 

ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

1.จัดวางตำแหน่งของคนให้เหมาะกับงาน

ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องอาศัยคนทำงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มของคนงานช่างฝีมือที่ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมใหญ่ ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่คัดเลือกทีมงานที่มีประสิทธิภาพ การดำเนินธุรกิจก็จะดำเนินต่อไปไม่ได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการคัดสรรคนงานหรือช่างที่มีฝีมือแล้วมอบหมายงานทำให้ตรงกับทักษะย่อมจะได้เปรียบ เพราะผลงานที่ได้ออกมาก็จะเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและเป็นที่ยอมรับของลูกค้าจนเรียกใช้บริการงานก่อสร้างของคุณบ่อย ๆ

 

2.หางานป้อนให้กับทีมงานอยู่สม่ำเสมอ

เมื่อได้ทีมงานที่มีคุณภาพแล้วแต่ไม่มีงานเข้ามาให้ทำก็ไร้ประโยชน์ เพราะนอกจากขาดรายได้แล้วยังทำให้ช่างไม่ได้ฝึกฝนทักษะฝีมืองานก่อสร้างบ่อย ๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ผู้รับเหมาที่จะช่วยให้ธุรกิจยืนยาวก็ต้องทำหน้าที่เป็นนักการตลาดและนักขายไปพร้อม ๆ กัน กล่าวคือต้องมีความสามารถในการหางานป้อนให้กับทีมอย่างต่อเนื่อง และนอกจากการหางานก็ต้องคัดเลือกผู้ว่าจ้างงานด้วยว่า มีเงินทุนหนาพอในการจ่ายค่าจ้างตรงตามเวลาด้วยหรือไม่ เพราะหากด้านการเงินไม่ดีก็อาจจะทำให้การดำเนินงานไม่ราบรื่นตลอดรอดฝั่งก็ได้

 

3.ประเมินราคาให้เป็น คิดผิดมีแต่ขาดทุน

ถึงแม้ว่าผู้รับเหมาจะสามารถหางานเข้ามาได้ตลอด แต่ประเมินราคาไม่เป็นมีแต่ขาดทุน เพราะกำไรที่ได้ไม่เพียงพอต่อการลงทุนที่ทำไป จึงเป็นผลให้ผู้ประกอบการเกิดมีหนี้สิน ภาระ บางรายอาจถึงขั้นทิ้งงานกลางทางไม่ทำต่อ เพราะยิ่งทำไปก็ทุนหายกำไรหด สุดท้ายชื่อเสียงที่ทำมาก็ต้องเสียไป ลูกค้าขาดความมั่นใจ บอกได้เลยว่าปัญหานี้เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยมากในกลุ่มของผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

 

ดังนั้นตัวผู้รับเหมาเองอาจจะต้องมีทักษะในการคิดคำนวณ รู้จักที่จะศึกษาราคาวัสดุปัจจุบัน รวมทั้งราคารับเหมาในตลาดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ประมาณเท่าไหร่ และไม่ควรเรียกราคาก่อสร้างให้ต่ำเกินเพียงแค่หวังให้ชนะคู่แข่งเท่านั้น แต่ให้แสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่าถึงจะเรียกราคาประเมินสูงกว่าคู่แข่งย่อมหมายความว่าการใช้วัสดุก็มีคุณภาพดีมากกว่านั่นเอง

 

4.ลดปัญหาการบริหารจัดงานไม่มีประสิทธิภาพด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย

ผู้รับเหมาก่อสร้างบางคนเกิดความชะล่าใจ หรือรับงานมากเกินไปจนไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปตรวจสอบหน้างานให้ได้ตามแผนงานที่วางไว้ ด้วยการปล่อยให้คนงานดำเนินงานไปเองตามความพอใจ ส่งผลให้งานเสร็จไม่ทันตามกำหนดที่ได้แจ้งไว้กับลูกค้า ซึ่งสำหรับปัญหานี้สามารถแก้ไขด้วยการที่ผู้รับเหมาควรจะต้องมีทักษะด้านการประสานงาน บริหารจัดการ ควบคุม และมีความรับผิดชอบ โดยนำเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นระบบ ERP, ระบบการจัดการหน้างาน หรือ ระบบควบคุมบัญชีประเภทต่าง ๆ จึงถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

5.เป็นพันธมิตรกับ Supplier เพื่อให้ได้วัสดุที่ดี

บางครั้งในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างก็จำเป็นต้องสรรหา Supplier เข้ามาเป็นพันธมิตรหลาย ๆ เจ้า เพื่อช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลา และยังได้โอกาสเปรียบเทียบราคาสินค้ากับ Supplier เจ้าต่าง ๆ ทำให้ได้สินค้าราคาต้นทุน วัสดุตรงตามประเภทของงงาน แถมมีคุณภาพดีอีกด้วย ซึ่งโดยส่วนมาก Supplier จะรู้ดีว่าผู้รับเหมาต้องการใช้วัสดุประเภทใดในการก่อสร้าง จึงมักนำเสนอวัสดุที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้เงื่อนไขของต้นทุนที่ต่ำสุด และยังใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างได้น้อยที่สุดอีกเช่นกัน

 

6.เงินทุนหนา พาธุรกิจรับเหมาก่อสร้างไปตลอดรอดฝั่ง

ธุรกิจทุกประเภทล้วนแล้วแต่ต้องการเงินลงทุนมาช่วยในการสนับสนุนธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างก็เหมือนกัน โดยปัจจุบันแล้วแหล่งเงินทุนที่ดีสุดก็หนีไม่พ้นการกู้เงินจากสถาบันการเงินหลายแห่งที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพได้กู้เงินเพื่อนำไปบริหารธุรกิจของตนเอง อีกทั้งผู้ประกอบการยังสามารถเลือกจ่ายชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบ และ แบ่งประเภทของดอกเบี้ย ให้เหมาะสมกับความสามารถของกิจการตัวเอง ฉะนั้นผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีเงินทุนหนาก็นำพาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นผู้รับเหมาขนาดเล็ก ยังไม่พร้อมที่จะกู้เงินกับสถาบันการเงิน ก็ให้หาเงินทุนจากการเริ่มรับงานง่าย ๆ ซ่อมแซมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การรับต่อเติมบ้าน, เดินสายไฟ เป็นต้น

 

7.เลือกรับงานที่ถนัดเหมาะสมกับธุรกิจ

สิ่งสำคัญของการดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างคือ ต้องประเมินศักยภาพของบริษัทตัวเองก่อนว่าควรรับงานประเภทไหนถึงจะเหมาะสมกับทีมงาน ไม่แนะนำให้เลือกงานที่ใหญ่เกินตัว แต่ควรเลือกรับงานที่ทีมงานมีความถนัด เคยมีประสบการณ์ในการทำมาบ้างแล้ว ซึ่งการรับงานที่ถนัดจะช่วยให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า และยังสามารถควบคุมระยะเวลาในการทำงานให้ได้ตรงตามแผนงาน นอกจากนั้นยังช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างทำงานด้วย

 

8.ลดปัญหาด้านการเงินด้วยการเลือกลูกค้า

ผู้รับเหมาเองก็มีสิทธิ์ในการเลือกลูกค้าได้เหมือนกัน ไม่ใช่เพียงแต่ลูกค้าที่มีสิทธิ์เลือกผู้รับเหมาอย่างเดียว เพราะบางครั้งลูกค้าเองอยากได้ผลงานดี ๆ แต่มีปัญหาด้านการเงิน เช่น จ่ายเงินให้กับผู้รับเหมาล่าช้า ซึ่งสำหรับปัญหาด้านการเงินก็สามารถแก้ไขปัญหาด้วยการทำสัญญาตั้งแต่ก่อนจะเริ่มงาน ด้วยการกำหนดให้สามารถเบิกเงินได้เป็นงวด ๆ เมื่อทำงานได้ตามขอบเขตที่วางไว้ การทำแบบนี้จะช่วยให้งานดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาเรื่องของการเบิกจ่าย

 

บนทางเดินของผู้ที่เข้ามาทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ย่อมเกิดปัญหาไม่ราบเรียบดั่งในหวังทุกครั้ง แต่การที่รู้ล่วงหน้าก่อนว่าปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง พร้อมหาแนวทางไขปัญหาเตรียมไว้เชื่อได้ว่าจะสามารถช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ ฉะนั้นหวังว่าผู้รับเหมาก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นมือเก๋า หรือ มือใหม่ สามารถนำข้อมูลที่เรามาฝากข้างต้นไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของตัวเองให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้